เริ่มกันที่
แต่งหน้าใสรับฤดูหนาว
เริ่มกันที่
แต่งหน้าใส - เขียนคิ้วให้สวย
แต่งหน้าใสๆสไตล์เกาหลี แบบ Korean Marine
อุปกรณ์ที่ใช้
เบส Truematch makeup base // Loreal
แป้งผสมรองพื้น Truemacth สีN1 //Lorea;
ปัดคิ้ว Brow definist 01//Maybelline
Eyeshadow //L.A.color
Liner Superliner #Noir//Loreall
Mascara Ultra collagene// Loreal
ปัดแก้ม Dandilion//benefit
ลิป // Loreal
เคล็ดลับแต่งหน้าใส ตอนดัดขนตาให้สวย โดดเด่น มีเสน่ห์กว่าใคร
ทีนี้สาวๆก็อย่างลืมลองทำกันดูนะคะ ง่าย ๆ เพียงเท่านี้ สาวๆก็จะมีขนตาที่งอนสวย งอนงาม เพิ่มความหวาน โดดเด่นให้ดวงตาได้ อีกนิ๊ด...ค่ะ อย่าลืมว่า เวลาหนีบขนตาควรหนีบขนตาอย่างเบามือนะคะ เพราะถ้าออกแรงมากเกินไป อาจทำให้ขนตาหักงอนไม่สวย หรือบางทีขนตาของเพื่อน ๆ อาจจะหลุดร่วงออกมาเลยก็ได้ค่ะ ^O^
แต่งหน้าใส แก้มเด้งสวยสไตล์เกาหลี
เทคนิคแต่งหน้าใสง่ายๆ ที่ช่วยปกป้องร้วรอยที่ไม่พึงประสงค์
ก่อนอื่นเลย สำคัญและจำเป็นมากๆสำหรับการแต่งหน้าทุกประเภท สาวๆทุกคนจะต้องทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดก่อนนะคะ ที่นี้ถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มกันเลยค่ะ
1. เตรียมผิวก่อนแต่งหน้า ด้วยการทามอยเจอไรเซอร์สูตรบางให้ทั่วผิวหน้า สาวๆสามารถใช้มือหรือฟองน้ำก็ได้ในการทาให้ทั่วใบหน้าแล้วแต่ความถนัด (เบาๆนะคะ)
2. ปรับสภาพสีผิวด้วยการลงเบส เมคอัพ เพื่อให้สีผิวดูเรียบเนียน และช่วยให้เครื่องสำอางติดทนนาน
3. ต่อมา ก็ลงรองพื้นที่มีเฉดสีใกล้เคียงกับผิวหน้า ค่อยๆ ใช้นิ้วเก็บรายละเอียดทีละจุด (สาวๆคนไหนมือใหม่ก็ค่อยๆนะคะ ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวจะไม่สวยจ้า)
4. ลงคอนซีลเลอร์ใต้ตาเพื่อการปกปิดรอยคล้ำ เราควรเลือกชนิดที่มีความชุ่มชื้นสูง มีส่วนผสมของวิตามินอีในปริมาณที่มากพอเพื่อช่วยถนอมผิวใต้ตา นิยมใช้โทนสีเหลืองทำให้ดูกลมกลืน
5. การลงแป้ง สาวๆไม่จำเป็นต้องลงแป้งให้หนาเพราะเมื่อหน้ามัน จะปรากฎเป็นคราบแป้ง เคล็ดลับอยู่ที่ควรใช้เติมระหว่างวันแทน และก่อนการเติมแป้งบนใบหน้าทุกครั้ง ควรใช้กระดาษซับมันซับหน้าก่อน เพื่อป้องกันใบหน้าเป็นคราบค่ะ
6. ตามด้วยการปัดแก้ม นิยมโทนสีส้ม ชมพูอ่อนๆ โดยลงบรัช ไม่เข้มมาก เทรนด์ที่นิยมต้องมีประกายเล็กน้อย
7. การดัดขนตา (ระวังอย่าให้ขนตาหักจะทำให้ปัดมาสคาร่าไม่สวย) หลังจากนั้นปัดขนตาทั้งบนและล่าง ซึ่งการปัดขนตาถือเป็นหัวใจของการแต่งตา ขนตาจะเรียงตัวสวย หนา ทำให้ตาดูคมขึ้น ใช้ eyebrow mascara สีน้ำตาล ปัดสีคิ้วให้ดูอ่อนหวาน แล้วใช้ eyebrow set ปัดไล้คิ้วให้ได้รูป
SK-II Skin Signature Melting Rich Cream เปิดตัวแล้ว
นอกจากผลลัพธ์ที่สัมผัสได้ด้วยตัวเองแล้วทั้งสองท่านยังเชิญแขกพิเศษซึ่ง เป็นคนสนิทที่ทั้งสองได้แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์มาร่วมพูดคุยถึงความประทับใจใน ผลิตภัณฑ์ Skin Signature Melting Rich Cream ในงานนี้ด้วยเช่นกัน โดยสาวเจี๊ยบพาคุณแม่ คุณเพ็ญนิภา ทัพพะรังสี มาการันตีความสาวก่อนถึงวันแม่ ด้านคุณสู่ขวัญ ก็ชวนสองเพื่อนสาวคนสนิท คุณชนาภรณ์ วิวรกิจ และคุณแพร กวิตานนท์ มาช่วยยืนยันประสิทธิภาพของ Skin Signature Melting Rich Cream ที่น่าประทับใจจนเก็บไว้คนเดียวไม่ได้ งานนี้จัดขึ้นอย่างอบอุ่น ณ ห้องฟลาวา โรงแรม ดรีม กรุงเทพ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา..
เทคนิคแต่งหน้ารับปริญญา ให้สวย ดูดี เด่นกว่าใคร
คราวนี้ http://แต่งหน้าใส.blogspot.com มีทริป เทคนิคการแต่งหน้ารับปริญญา ให้สวย ดูดี เด่นกว่าใคร มาฝากกันจ้า ให้สาวๆที่เตรียมตัวรับปริญญาไปใช้กันได้เลยทีเดียว ^^
ก่อนอื่นสาวๆ ต้องรู้ว่าการแต่งหน้ารับปริญญา ควรยึดหลักทางสายกลางคือ แต่งแบบแนวธรรมชาติ ควรคำนึงถึงว่า วันที่รับต้องมีการถ่ายรูปเยอะ เจอแสงแฟลชมากกว่าที่ปกติ แสงแฟลชจะช่วยกลบเงาบนใบหน้าของบัณฑิต แต่งหน้าต้องให้เข้มนิดนึง เน้นตา และปาก (แต่ไม่ต้องมากจนเหมือนไปงานกลางคืน) เพราะแสงแดดและไฟทั้งหลายจะทำให้สีบนใบหน้าดรอปลงไปอีก
สีที่เหมาะกับการแต่งหน้ารับปริญญา ก็คือสีแนวเอิร์ธโทน ทอง ส้ม และชมพู โดยเฉพาะสีเอิร์ธโทน เข้าได้กับทุกสีผิว ดูเป็นธรรมชาติ และเรียบร้อยเข้ากับชุดครุย
เครื่องสำอางที่ควรหลีกเลี่ยง ก็คือ เครื่องสำอางแบบ shimmer ซุปเปอร์วิ้งกระจายทั้งหลาย งานนี้พับเก็บใส่กระเป๋าไว้ที่บ้านก่อน เพราะเวลาโดนแสงแฟลชแล้ว ไอ้วิ้งๆ นี่จะทำให้หน้าของสาวๆ ดูมันกว่าความเป็นจริง และบางมุมดูเราจะเหมือนนางเอกลิเกไปเลย
เครื่องสำอางแบบมุกๆ ก็ยังใช้ได้อยู่ ทำให้หน้าดูไม่เรียบเหมือนการใช้เครื่องสำอางแบบแมทๆ แต่ก็ไม่ควรลงจนหนักมือจนเกินไป ก็อาจให้ผลเดียวกับ shimmer ทั้งหลายได้เช่นกันค่ะ
อีกอย่างที่ควรหลีกเลี่ยง คือ ลิปกรอส มันๆๆๆๆ วาวๆๆๆๆๆๆ พวกนี้ถ้าโดนแสงแฟลช แล้วจะสะท้อนแสงแฟลชมากๆ ทำให้ดูไม่สวยเช่นกัน ลิปสติกเนื้อแมท เป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับงานนี้ หรือถ้ากลัวปากแห้งมาก จะใช้ลิปพวก watershine หรือ กรอสแบบไม่มีสีและไม่วาวจนเกินไปก็ยังพอไหวจ้า
วิธีการ แต่งหน้ารับปริญญา (แบ่งปันข้อมูลดีดี fwdder)
How to วันนี้เป็นแบบเร่งด่วนหน่อยนะคะ เพราะไม่มีเวลาทำแบบละเอียด ^^"
1. ลงด้วยสีน้ำตาลเข้มหรือดำ ไล่ระดับความเข้มจากหางตาเข้ามาหากึ่งกลาง ประมาณ 1/3ของดวงตา ถ้าต้องการให้ตาดูโตขึ้น ให้ทาอายแชโดว์ต่อจากหางตาออกไปเล็กน้อย และเกลี่ยให้ลงมาถึงขอบตาล่าง จากห่างตาเข้าไปประมาณ 1/3 ของตาเช่นกัน
2. ลงทับด้วยสีน้ำตาลอ่อน หรือสีทอง (ลงทับสีน้ำตาลที่ทาไว้ตอนแรก จะทำให้สีอ่อนลง และหางตาดูมีมิติมากขึ้น) ลงให้ทั่วเปลือกตา เกลี่ยสีให้เข้ากับสีแรกที่ลง และทาเกินบริเวณรอยพับเปลือกตาเล็กน้อย กะดูว่าเมื่อลืมตาแล้วเห็นสีน้ำตาลฝทองที่ลงไว้ แต่ไม่ต้องลงจนถึงโหนกคิ้ว (ส่วนบนสุดของโซน 3)
3. ใช้อายแชโดว์สีขาวหรือครีมเป็นไฮไลต์ ลงเหนือบริเวณที่ 2 และ เกลี่ยให้เข้ากันจนมองไม่เห็นรอยต่อของสี ถ้าลงบริเวณที่ 2 เข้มมาก สามารถลงสีไฮไลต์ทับลงไปได้
- อาจลงน้ำหนักสีที่ 2 บริเวณหัวตาเพิ่มนิดหน่อย (ประมา 1/3) เพื่อให้ตาดูมีมิติและบาลานซ์กับหางตา
- หรือ อาจใช้ไฮไลต์ หรือ shimmer แตะตรงกึ่งกลางดวงตาเพียงนิดเดียว และ เกลี่ยเป็นช่วงแคบๆ (บริเวณตรงกลางระหว่างเลข 1 และ 2) ให้ตาช่วงกลางดูสว่างขึ้น
4. ใช้สีน้ำตาลอ่อน (สีที่2) ลงทับสีเข้มที่ลงไว้ในตอนแรก จากหางตาเข้ามาประมาณ ¾ ของตา และใช้ไฮไลต์สีขาวลงตรงหัวตา (ไม่ต้องเด่นมาก ถ่ายภาพจะทำให้ดูหลอก) เกลี่ยให้ไม่เห็นรอยต่อของสีเข้มและอ่อน
5. ลงไฮไลต์ใต้ตา และเกลี่ยให้เนียน
…Eyeliner....
* จะใช้หรือไม่ก็ได้ ไม่จำเป็นมาก ถ้าลงอายโดว์ตรงหางตาเข้มพอประมาณ ก็ไม่จำเป็นต้องกรีดไลน์เนอร์ซ้ำก็ได้
* กรีดอายไลน์เนอร์ลิควิดสีดำหรือน้ำตาลเข้ม เป็นเส้นเล็กๆ อาจจะกรีดแบบทั้งตา หรือเขียนแค่ครึ่งเดียวก็ได้ หากต้องการให้ดูธรรมชาติ ควรกรีดแค่พอดีหางตาหรือเกินมาเล็กน้อย และเขียนขอบตาล่างเล็กน้อย
* ถ้ากรีดไลน์เนอร์แบบลิควิดไม่เป็น ใช้ดินสอไลน์เนอร์เขียนก็ได้ แต่ให้เขียนแค่ครึ่งตา และพยายามเขียนให้เส้นเล็กชิดขอบตามากที่สุด อาจใช้คอตต้อนบัดช่วยเกลี่ยเส้นให้ดูกลมกลืนกับอายแชโดว์ที่ลงไว้ก็ได้
* หลังจากนั้นก็ ดัดขนตา ปัดมาสคาร่าตามระเบียบ
* การเขียนคิ้ว ไม่ควรใช้สีดำลงคิ้ว ให้ใช้สีน้ำตาล หรือน้ำตาลอ่อนจะดีกว่า จะทำให้ใบหน้าดูซอฟท์ลงและสว่างขึ้น
…Cheek and Lips....
* ปัดแก้มให้พอดูมีสีสันแต่ไม่ต้องเข้มมาก เริ่มปัดจากส่วนที่ต้องการจะเน้นแล้วค่อยๆ เกลี่ยให้กระจายออกไป
* สุดท้ายและท้ายสุด สีลิปสติก เอามาเปรียบเทียบให้ดู 3 แบบ แล้วลองเลือกเอาละกันนะคะ ว่าชอบแบบไหน
…Cosmetic....
ด้านบนคือ Idea และ เทคนิคในการแต่งหน้า ให้ไว้เป็นแนว สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ตามสบาย
ส่วนข้างล่างคือรายการเครื่องสำอางที่ใช้แต่งหน้าด้านบนค่ะ
ราคาย่อมเยาและหาซื้อได้ไม่ยากค่ะ
ตา
Kate Line Spicy Eyeshadow - พอดีเพิ่งได้มาใหม่เลยลองเล่นซะเลย
ภาพที่เห็นนี่นำมาจากอินเตอร์เนตค่ะ เพราะไม่ได้ถ่ายตลับไว้ สีจะไม่ค่อยเหมือนที่ใช้อยู่จริงๆ ภาพนี้จะออกหม่นๆ กว่านะคะ แต่สีที่เราใช้จะเป็นสีออกทองกว่านี้ค่ะ รู้สึกจะเป็น BR-1 (ขอโทษด้วย ไม่ได้ถ่ายรูปไว้และตลับไม่ได้อยู่กับตัว)
สีจะออกโทนเดียวกัน และเราลงสีตามหมายเลขที่กำกับไว้ค่ะ
Eyeliner & Mascara
eyeliner และ มาสคาร่าใช้ jetset ของ cutepress แต่ตอนปัดมาสคาร่า ใช้ fasio ปัดบางๆ ก่อน 1 รอบ เพราะ jetset จะไม่ติดทนทั้งวัน แต่ปัดแล้วขนตายาวสวยกว่า fasio ค่ะ (ตามประสบการณ์นะคะ)
แก้ม
ใช้สี Missha Blusher สี Cooper Bronze
ปาก
1. รูปซ้ายใช้ hazelnut sauce ของ เมเบลีน ผสมกับ carnation ของ BB
รูปที่ 2 ใช้ carnation ของ BB
รูปที่ 3 ใช้ Burnt Red
เสร็จเรียบร้อยกันแล้ว กับการสอนสอนแต่งหน้ารับปริญญาแบบง่ายๆ ดูไว้เป็นไอเดีย ขอให้สาวๆสวยในวันงานกันทุกคน และแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่ทุกคนเลยจ้า ^^
วิธีการเขียนขอบตาบน ล่าง ด้วยอายไลน์เนอร์ สไตล์เกาหลี แบบ YuBin (ยูบิน) Wonder Girls
เห็นแล้วง่ายนิ๊ดดดเดียว >.< สาวๆ ลองเขียนขอบตาแบบนี้กันดูนะจ๊ะ สวย ใส กันยังไงอย่างลืมบอกต่อๆกันล่ะ ^^
ดูแลรักษาขนตาให้สวย ถนอมไว้ยาวนานกับการแต่งหน้าใส
ประเภทรองพื้นที่เหมาะกับผิวหน้าคุณ ^_~
รองพื้นโดยทั่วไป มีทั้งหมด 8 ประเภทดังนี้
1. รองพื้นแบบแท่ง (Stick Foundation): ผลิตภัณฑ์รองพื้นนี้ เป็นรองพื้นและconcealerรวมกันเป็นหนึ่งแท่ง ในการแต่งหน้ารองพื้นแบบแท่งสามารถช่วยปกปิดผิวที่มีปัญหาเช่น ริ้วรอย แผลเป็น สีไม่เท่ากันของผิว ได้มากขึ้นกว่ารองพื้นชนิดอื่นๆ เหมาะสำหรับผิวแห้ง ไม่เหมาะสำหรับผิวมัน ข้อดี คือ ใช้ได้ง่ายและปกปิดได้อย่างรวดเร็ว
4. รองพื้นแบบมูส (Mousse Foundation): รองพื้นแบบมูสคือรองพื้นเนื้อครีมธรรมดา ที่ทำในรูปแบบฟองครีม เป็นรองพื้นปกปิดบางเบาแลดูเป็นธรรมชาติ รองพื้นแบบมูสจะไม่เกาะตามรอยร่องที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ของผิวหน้า จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้มีริ้วรอย หรือ ผู้มีอายุ
5. รองพื้นแบบทิ้นส์ (Tinted Moisturizer): ในที่นี้ คือ มอยเจอร์ไรเซอร์ ครีมบำรุงผิวที่เติมสีลงไปเล็กน้อย ทำให้หลังใช้จะดูผิวเรียนเนียนขึ้น แต่ไม่ช่วยปกปิดมากนัก เหมาะกับสภาพผิวที่ดีอยู่แล้ว และต้องโดนใจสำหรับสาวๆที่ชอบแต่งหน้าใสๆ ~^^~ เลยละซิ
6. รองพื้นแบบเปลี่ยนสถานะ (Cream to Powder): รองพื้นชนิดนี้เหมาะกับผิวมัน เพราะหลังจากทารองพื้นไปบนผิวหน้า ครีมรองพื้นชนิดนี้จะเปลี่ยนเป็นแป้งโดยเร็ว เนื่องจากแป้งมีตัวช่วยซับน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้าเอาไว้
7. รองพื้นแบบแป้ง (Powder Foundation): รองพื้นแบบแป้ง จะเหมากับสาวๆ ที่เพิ่งหัดแต่งหน้า เพราะใช้ง่าย แม้สาวคนไหนไม่เคยใช้มาก่อนก่อตาม ปกปิดได้ปานกลาง นอกจากนี้ยังเหมาะกับช่วงหน้าร้อน เพราะไม่ทำให้ผิวเหนอะหนะ
8. รองพื้นแบบสเปรย์ (Spray Foundation): รูปแบบของรองพื้นประเภทนี้ เป็นรองพื้นที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ ใช้ง่าย ที่ให้ความรู้สึกบางเบาสบายผิว สามารถฉีดเสปรย์ไปบนผิวหน้าได้โดยตรง หรือ ใช้ฟองน้ำก็ได้
10 พื้นฐานการแต่งหน้าสวย เนียน!!
1. สาวๆ ต้องทำความสะอาดผิว ด้วยการล้างหน้าให้สะอาดก่อนแต่งหน้าทุกครั้ง จำไว้เลยนะจ๊ะว่าทุกครั้ง หมั่นขัดผิวหน้าด้วยสครับเพื่อเป็นการช่วยให้ผิวหน้าผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ผิวหน้าจะได้ใสปราศจากเซลล์ผิวเก่า หรือเรียกอีกอย่าวว่าขี้ไคล ก็ได้
2. ทาครีมบำรุงผิวที่มีมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เป็นส่วนประกอบ เพื่อเป็นการบำรุงผิว ถนอมสภาพผิวให้มีอายุยืนยาวตามที่ควรจะเป็น สำหรับสาวๆคนไหนต้องทำงานกลางแดดก็ควรทาครีมกันแดดด้วยนะจ๊ะ ป้องกันการเกิดฝ้า กระ ที่ผิวหน้าได้ เพราะแสงแดดบ้านเรามันแรงขึ้นทุกวัน = = ' ป้องกันไว้ก่อนเลย
3. ลงคอนซีลเลอร์ เพื่อให้หน้าดูสว่างขึ้น เริ่มด้วยการใช้ปลายนิ้วไร้ไปตามใต้ดวงตา ค่อย ๆ เกลี่ยให้ชิดขนตาด้านล่างตลอดจากหัวตาไปจนถึงหางตา สำหรับสาวผิวขาว ให้ใช้คอนซีลเลอร์ที่ออกโทรเหลือง และถ้าสาวผิวคล้ำ ให้เลือกใช้คอนซีลเลอร์ที่ออกโทนชมพูจ้า
4. การรองพื้น รองพื้นมีให้เลือกทั้งแบบน้ำ ครีม เจล น้ำมัน และแบบแท่ง ควรเลือกใช้ตามสภาพผิว *ผิวมันควรเลือกใช้แบบบางเบาประเภทที่เป็นเจล หรือน้ำเพื่อไม่ใช้หน้ามันเย้อ *คนผิวแห้งมาก ต้องเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า ควรเลือกประเภทที่มีส่วนผสมของน้ำมัน ถ้าหากเป็นสิวก็ให้เลือกชนิดปราศจากน้ำมัน (Oil Free) เมื่อเลือกรองพื้นที่เหมาะกับสภาพผิวแล้วขั้นต่อไปก็ไม่ใชเรื่องยากกันแล้วจ้า !!อย่าลืมนะจ๊ะ ว่าต้องเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวและสีผิวด้วย!! การลงรองพื้นถ้าสาวๆ เกลียไม่ดีหน้าอาจจะด่าง หรือหากลงรองพื้นมากเกินไปหน้าก็จะหนา จะเกิดรอยแตก เป็นเส้นๆ เวลาสาวๆแสดงอาการต่างๆบนใบหน้า แลดูไม่สวย ดังนั้นแนะนำว่าให้ลงแต่น้อย ค่อย ๆ เกลียให้เสมอกัน
5. การทาแป้ง แป้งมีหลายชนิดให้เลือกได้ตามใจชอบ ทั้งแป้งฝุ่นซึ่งเป็นแป้งที่มีเนื้อบางเบาสำหรับคนที่ชอบแต่งหน้าใส ๆ แบบเผยผิวจริง แป้งพัฟฟ์สะดวกในการพกพา และช่วยเสริมให้หน้าดูเนียนเรียบ สุดท้ายแป้งรองพื้นสะดวกใช้แต่อาจจะดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่เพราะมีเนื้อที่ค่อนข้างหนา ให้สาวๆ เลือกตามความเหมาะสมของสภาพผิว ความชอบ และสถานะการณ์ก็แล้วกันจ้า
6. การแต่งคิ้ว ถ้าคุณเป็นสาวที่มีคิ้วที่รกทึบ ขอแนะนำว่าให้จัดแต่คิ้วให้ได้รูปด้วยมีดโกน หรือจะถอนด้วยแหนบก็ได้ก่อนการเขียนคิ้ว เพราะคิ้วที่รกจะทำให้การแต่งหน้าไม่เกิดประโยชน์เลย หลังจากคิ้วได้รูปสวยไม่เล็กไป ไม่ใหญ่ไป ก็ให้เขียนคิ้วให้เป็นรูป โดยเลือกใช้สีที่อ่อนกว่าสีผมนะจ๊ะ เพราะจะทำให้หน้าสว่าง แล้วก็ดูอ่อนโยน หลังจากเขียนคิ้วได้รูปตามต้องการใช้แปรงปัดขนคิ้วให้เรียงตัวเป็นระเบียบ
7. อายแชโดว์สำหรับกลางวัน วันธรรมดา แค่ปัดเปลือกตาด้วยสีอ่อน ๆ ก็เพียงพอแล้ว แต่หากต้องการเพิ่มมิติให้กับเปลือกตา ควรเลือกทาอายแชโดว์ 3 สี ที่อยู่ในโทนเดียวกัน ที่มักจะถูกเซตอยู่ในตลับเดียวกันอยู่แล้ว โดยการไล่จากสีอ่อนสุดให้ทั่วเปลือกตา จากนั้นใช้สีที่เข้มปานกลาง ทาที่เปลือกตาช่วงรอยพับ (เวลาเราหลับตาจะมีส่วนที่นูนออกมา) ทาให้ทั่วจนถึงขอบขนตา แล้วใช้สีที่เข้มกว่าเขียนเป็นเส้นทีให้ชิดขอบขนตาจ้า
8. อายไลเนอร์เพื่อไม่ไห้ตกเทรนเกาหลีตากลม โต ละก็ ต้องไม่ลืมการลากอายไลเนอร์เบา ๆ ให้ชิดขอบขนตาบน มีให้เลือกใช้ทั้งชนิดน้ำปลายภู่กัน ติดทนนานเส้นสวยแต่อาจจะเล่อง่ายสำหรับมือใหม่ หรือจะเลือกใช้ชนิดดินสอเขียนง่ายไม่เล่อเทอ ก็เลือกได้ตามความถนัดของแต่ละคน
9. บลัชออนชนิดของบลัชออนก็คล้ายกับอายแชโดว์ คือมีทั้งชนิด ฝุ่น ครีม และชนิดน้ำ การทาบลัชออนให้สวยคือเวลาทาให้ยิ้มเพื่อหาตำแหน่งของแก้มที่เหมาะสมจะทาให้ทางที่พวกแก้มที่เปล่งที่สุด แล้วไล้เฉียงสูงขึ้นไปเล็กน้อย ควรใช้แปรงปัดแก้มที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่จะปัดได้สวยกว่า อย่าปัดให้เข้มจนเกินไปนักเพราะอาจจะทำให้คิดว่าเป็นก้นลิงไม่ใช่แก้ม >.< ระวังกันหน่อยนะจ๊ะสาวๆ
10. ลิปสติก ก่อนการทาลิปสติก ให้เขียนขอบปากด้วยดินสอเขียนขอบปากโดยให้เลือกสีที่ใกล้เคียงกับสีลิปสติกให้มากที่สุด ถ้าไม่ชอบเขียนหรือเป็นวันสบาย ๆ ก็อาจไม่ต้องเขียนขอบปากก็ได้ ส่วนการทางลิปสติกควรใช้ภูกัน เพราะจะทำให้สีกลมกลืนเข้ากับริมฝีปาก และเก็บรายละเอียดของรูปปากได้มากขึ้น คุณอาจเพิ่มความันวาวด้วยลิปกลอสเพื่อให้ปากดูชุ่มฉ่ำ ข้อควรระวังจ้า!!ไม่ควรทาลิปกลอสให้หนักมือเกินไป เพราะอาจจะดูคล้ายคนที่เพิ่งทานปาท้องโก๋เสร็จใหม่ ๆ
เห็นไหมจ๊ะสาวๆ ไม่ยากเลย มือใหม่ทั้งหลายหาซื้อเครื่องสำอางที่กล่าวมาทั้งหมดได้เลยนะจ๊ะ หรือว่าถ้ายังไม่พร้อม ทริปหน้ารอดูชนิดของรองพื้นต่อได้เลยจ้า จะได้เลือกแบบฉบับที่เหมาะกับตัวเอง^^ ที่สำคัญอย่าลืมรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวสาวๆด้วยนะจ๊ะ เพื่อความสวยที่ยั่งยืน ~^^~
แนะนำเว็บเพื่อการแต่งหน้าใสๆแบบเกาหลี สอนแต่งหน้ารับปริญญา-เจ้าสาว
สวัสดีจ้า!! เว็บนี้เป็นการรวมทริปต่างๆของการแต่งหน้ามาให้เพื่อนๆได้นำเทคนิคไปใช้แต่งหน้ากัน
สาวๆจะได้แต่งหน้าแบบใสๆ หวานๆ แบบเกาหลีซึ่งกำลังอินแทรนม๊ากมากในขณะนี้ >.< รวมถึง การแต่งหน้ารับปริญญาหรือเจ้าสาวด้วยตัวเอง ^^ มาสนุกกับเทคนิคการแต่งหน้ากับ แต่งหน้าใส.blogspot.com กันเลยนะจ๊ะ
แต่งหน้าใส.blogspot.com สอนแต่งหน้ารับปริญญา-แต่งหน้าเจ้าสาว ค่า
แต่งหน้าใสรับฤดูหนาว
เริ่มกันที่
แต่งหน้าใส - เขียนคิ้วให้สวย
แต่งหน้าใสๆสไตล์เกาหลี แบบ Korean Marine
อุปกรณ์ที่ใช้
เบส Truematch makeup base // Loreal
แป้งผสมรองพื้น Truemacth สีN1 //Lorea;
ปัดคิ้ว Brow definist 01//Maybelline
Eyeshadow //L.A.color
Liner Superliner #Noir//Loreall
Mascara Ultra collagene// Loreal
ปัดแก้ม Dandilion//benefit
ลิป // Loreal
เคล็ดลับแต่งหน้าใส ตอนดัดขนตาให้สวย โดดเด่น มีเสน่ห์กว่าใคร
ทีนี้สาวๆก็อย่างลืมลองทำกันดูนะคะ ง่าย ๆ เพียงเท่านี้ สาวๆก็จะมีขนตาที่งอนสวย งอนงาม เพิ่มความหวาน โดดเด่นให้ดวงตาได้ อีกนิ๊ด...ค่ะ อย่าลืมว่า เวลาหนีบขนตาควรหนีบขนตาอย่างเบามือนะคะ เพราะถ้าออกแรงมากเกินไป อาจทำให้ขนตาหักงอนไม่สวย หรือบางทีขนตาของเพื่อน ๆ อาจจะหลุดร่วงออกมาเลยก็ได้ค่ะ ^O^
แต่งหน้าใส แก้มเด้งสวยสไตล์เกาหลี
เทคนิคแต่งหน้าใสง่ายๆ ที่ช่วยปกป้องร้วรอยที่ไม่พึงประสงค์
ก่อนอื่นเลย สำคัญและจำเป็นมากๆสำหรับการแต่งหน้าทุกประเภท สาวๆทุกคนจะต้องทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดก่อนนะคะ ที่นี้ถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มกันเลยค่ะ
1. เตรียมผิวก่อนแต่งหน้า ด้วยการทามอยเจอไรเซอร์สูตรบางให้ทั่วผิวหน้า สาวๆสามารถใช้มือหรือฟองน้ำก็ได้ในการทาให้ทั่วใบหน้าแล้วแต่ความถนัด (เบาๆนะคะ)
2. ปรับสภาพสีผิวด้วยการลงเบส เมคอัพ เพื่อให้สีผิวดูเรียบเนียน และช่วยให้เครื่องสำอางติดทนนาน
3. ต่อมา ก็ลงรองพื้นที่มีเฉดสีใกล้เคียงกับผิวหน้า ค่อยๆ ใช้นิ้วเก็บรายละเอียดทีละจุด (สาวๆคนไหนมือใหม่ก็ค่อยๆนะคะ ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวจะไม่สวยจ้า)
4. ลงคอนซีลเลอร์ใต้ตาเพื่อการปกปิดรอยคล้ำ เราควรเลือกชนิดที่มีความชุ่มชื้นสูง มีส่วนผสมของวิตามินอีในปริมาณที่มากพอเพื่อช่วยถนอมผิวใต้ตา นิยมใช้โทนสีเหลืองทำให้ดูกลมกลืน
5. การลงแป้ง สาวๆไม่จำเป็นต้องลงแป้งให้หนาเพราะเมื่อหน้ามัน จะปรากฎเป็นคราบแป้ง เคล็ดลับอยู่ที่ควรใช้เติมระหว่างวันแทน และก่อนการเติมแป้งบนใบหน้าทุกครั้ง ควรใช้กระดาษซับมันซับหน้าก่อน เพื่อป้องกันใบหน้าเป็นคราบค่ะ
6. ตามด้วยการปัดแก้ม นิยมโทนสีส้ม ชมพูอ่อนๆ โดยลงบรัช ไม่เข้มมาก เทรนด์ที่นิยมต้องมีประกายเล็กน้อย
7. การดัดขนตา (ระวังอย่าให้ขนตาหักจะทำให้ปัดมาสคาร่าไม่สวย) หลังจากนั้นปัดขนตาทั้งบนและล่าง ซึ่งการปัดขนตาถือเป็นหัวใจของการแต่งตา ขนตาจะเรียงตัวสวย หนา ทำให้ตาดูคมขึ้น ใช้ eyebrow mascara สีน้ำตาล ปัดสีคิ้วให้ดูอ่อนหวาน แล้วใช้ eyebrow set ปัดไล้คิ้วให้ได้รูป
SK-II Skin Signature Melting Rich Cream เปิดตัวแล้ว
นอกจากผลลัพธ์ที่สัมผัสได้ด้วยตัวเองแล้วทั้งสองท่านยังเชิญแขกพิเศษซึ่ง เป็นคนสนิทที่ทั้งสองได้แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์มาร่วมพูดคุยถึงความประทับใจใน ผลิตภัณฑ์ Skin Signature Melting Rich Cream ในงานนี้ด้วยเช่นกัน โดยสาวเจี๊ยบพาคุณแม่ คุณเพ็ญนิภา ทัพพะรังสี มาการันตีความสาวก่อนถึงวันแม่ ด้านคุณสู่ขวัญ ก็ชวนสองเพื่อนสาวคนสนิท คุณชนาภรณ์ วิวรกิจ และคุณแพร กวิตานนท์ มาช่วยยืนยันประสิทธิภาพของ Skin Signature Melting Rich Cream ที่น่าประทับใจจนเก็บไว้คนเดียวไม่ได้ งานนี้จัดขึ้นอย่างอบอุ่น ณ ห้องฟลาวา โรงแรม ดรีม กรุงเทพ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา..
เทคนิคแต่งหน้ารับปริญญา ให้สวย ดูดี เด่นกว่าใคร
คราวนี้ http://แต่งหน้าใส.blogspot.com มีทริป เทคนิคการแต่งหน้ารับปริญญา ให้สวย ดูดี เด่นกว่าใคร มาฝากกันจ้า ให้สาวๆที่เตรียมตัวรับปริญญาไปใช้กันได้เลยทีเดียว ^^
ก่อนอื่นสาวๆ ต้องรู้ว่าการแต่งหน้ารับปริญญา ควรยึดหลักทางสายกลางคือ แต่งแบบแนวธรรมชาติ ควรคำนึงถึงว่า วันที่รับต้องมีการถ่ายรูปเยอะ เจอแสงแฟลชมากกว่าที่ปกติ แสงแฟลชจะช่วยกลบเงาบนใบหน้าของบัณฑิต แต่งหน้าต้องให้เข้มนิดนึง เน้นตา และปาก (แต่ไม่ต้องมากจนเหมือนไปงานกลางคืน) เพราะแสงแดดและไฟทั้งหลายจะทำให้สีบนใบหน้าดรอปลงไปอีก
สีที่เหมาะกับการแต่งหน้ารับปริญญา ก็คือสีแนวเอิร์ธโทน ทอง ส้ม และชมพู โดยเฉพาะสีเอิร์ธโทน เข้าได้กับทุกสีผิว ดูเป็นธรรมชาติ และเรียบร้อยเข้ากับชุดครุย
เครื่องสำอางที่ควรหลีกเลี่ยง ก็คือ เครื่องสำอางแบบ shimmer ซุปเปอร์วิ้งกระจายทั้งหลาย งานนี้พับเก็บใส่กระเป๋าไว้ที่บ้านก่อน เพราะเวลาโดนแสงแฟลชแล้ว ไอ้วิ้งๆ นี่จะทำให้หน้าของสาวๆ ดูมันกว่าความเป็นจริง และบางมุมดูเราจะเหมือนนางเอกลิเกไปเลย
เครื่องสำอางแบบมุกๆ ก็ยังใช้ได้อยู่ ทำให้หน้าดูไม่เรียบเหมือนการใช้เครื่องสำอางแบบแมทๆ แต่ก็ไม่ควรลงจนหนักมือจนเกินไป ก็อาจให้ผลเดียวกับ shimmer ทั้งหลายได้เช่นกันค่ะ
อีกอย่างที่ควรหลีกเลี่ยง คือ ลิปกรอส มันๆๆๆๆ วาวๆๆๆๆๆๆ พวกนี้ถ้าโดนแสงแฟลช แล้วจะสะท้อนแสงแฟลชมากๆ ทำให้ดูไม่สวยเช่นกัน ลิปสติกเนื้อแมท เป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับงานนี้ หรือถ้ากลัวปากแห้งมาก จะใช้ลิปพวก watershine หรือ กรอสแบบไม่มีสีและไม่วาวจนเกินไปก็ยังพอไหวจ้า
วิธีการ แต่งหน้ารับปริญญา (แบ่งปันข้อมูลดีดี fwdder)
How to วันนี้เป็นแบบเร่งด่วนหน่อยนะคะ เพราะไม่มีเวลาทำแบบละเอียด ^^"
1. ลงด้วยสีน้ำตาลเข้มหรือดำ ไล่ระดับความเข้มจากหางตาเข้ามาหากึ่งกลาง ประมาณ 1/3ของดวงตา ถ้าต้องการให้ตาดูโตขึ้น ให้ทาอายแชโดว์ต่อจากหางตาออกไปเล็กน้อย และเกลี่ยให้ลงมาถึงขอบตาล่าง จากห่างตาเข้าไปประมาณ 1/3 ของตาเช่นกัน
2. ลงทับด้วยสีน้ำตาลอ่อน หรือสีทอง (ลงทับสีน้ำตาลที่ทาไว้ตอนแรก จะทำให้สีอ่อนลง และหางตาดูมีมิติมากขึ้น) ลงให้ทั่วเปลือกตา เกลี่ยสีให้เข้ากับสีแรกที่ลง และทาเกินบริเวณรอยพับเปลือกตาเล็กน้อย กะดูว่าเมื่อลืมตาแล้วเห็นสีน้ำตาลฝทองที่ลงไว้ แต่ไม่ต้องลงจนถึงโหนกคิ้ว (ส่วนบนสุดของโซน 3)
3. ใช้อายแชโดว์สีขาวหรือครีมเป็นไฮไลต์ ลงเหนือบริเวณที่ 2 และ เกลี่ยให้เข้ากันจนมองไม่เห็นรอยต่อของสี ถ้าลงบริเวณที่ 2 เข้มมาก สามารถลงสีไฮไลต์ทับลงไปได้
- อาจลงน้ำหนักสีที่ 2 บริเวณหัวตาเพิ่มนิดหน่อย (ประมา 1/3) เพื่อให้ตาดูมีมิติและบาลานซ์กับหางตา
- หรือ อาจใช้ไฮไลต์ หรือ shimmer แตะตรงกึ่งกลางดวงตาเพียงนิดเดียว และ เกลี่ยเป็นช่วงแคบๆ (บริเวณตรงกลางระหว่างเลข 1 และ 2) ให้ตาช่วงกลางดูสว่างขึ้น
4. ใช้สีน้ำตาลอ่อน (สีที่2) ลงทับสีเข้มที่ลงไว้ในตอนแรก จากหางตาเข้ามาประมาณ ¾ ของตา และใช้ไฮไลต์สีขาวลงตรงหัวตา (ไม่ต้องเด่นมาก ถ่ายภาพจะทำให้ดูหลอก) เกลี่ยให้ไม่เห็นรอยต่อของสีเข้มและอ่อน
5. ลงไฮไลต์ใต้ตา และเกลี่ยให้เนียน
…Eyeliner....
* จะใช้หรือไม่ก็ได้ ไม่จำเป็นมาก ถ้าลงอายโดว์ตรงหางตาเข้มพอประมาณ ก็ไม่จำเป็นต้องกรีดไลน์เนอร์ซ้ำก็ได้
* กรีดอายไลน์เนอร์ลิควิดสีดำหรือน้ำตาลเข้ม เป็นเส้นเล็กๆ อาจจะกรีดแบบทั้งตา หรือเขียนแค่ครึ่งเดียวก็ได้ หากต้องการให้ดูธรรมชาติ ควรกรีดแค่พอดีหางตาหรือเกินมาเล็กน้อย และเขียนขอบตาล่างเล็กน้อย
* ถ้ากรีดไลน์เนอร์แบบลิควิดไม่เป็น ใช้ดินสอไลน์เนอร์เขียนก็ได้ แต่ให้เขียนแค่ครึ่งตา และพยายามเขียนให้เส้นเล็กชิดขอบตามากที่สุด อาจใช้คอตต้อนบัดช่วยเกลี่ยเส้นให้ดูกลมกลืนกับอายแชโดว์ที่ลงไว้ก็ได้
* หลังจากนั้นก็ ดัดขนตา ปัดมาสคาร่าตามระเบียบ
* การเขียนคิ้ว ไม่ควรใช้สีดำลงคิ้ว ให้ใช้สีน้ำตาล หรือน้ำตาลอ่อนจะดีกว่า จะทำให้ใบหน้าดูซอฟท์ลงและสว่างขึ้น
…Cheek and Lips....
* ปัดแก้มให้พอดูมีสีสันแต่ไม่ต้องเข้มมาก เริ่มปัดจากส่วนที่ต้องการจะเน้นแล้วค่อยๆ เกลี่ยให้กระจายออกไป
* สุดท้ายและท้ายสุด สีลิปสติก เอามาเปรียบเทียบให้ดู 3 แบบ แล้วลองเลือกเอาละกันนะคะ ว่าชอบแบบไหน
…Cosmetic....
ด้านบนคือ Idea และ เทคนิคในการแต่งหน้า ให้ไว้เป็นแนว สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ตามสบาย
ส่วนข้างล่างคือรายการเครื่องสำอางที่ใช้แต่งหน้าด้านบนค่ะ
ราคาย่อมเยาและหาซื้อได้ไม่ยากค่ะ
ตา
Kate Line Spicy Eyeshadow - พอดีเพิ่งได้มาใหม่เลยลองเล่นซะเลย
ภาพที่เห็นนี่นำมาจากอินเตอร์เนตค่ะ เพราะไม่ได้ถ่ายตลับไว้ สีจะไม่ค่อยเหมือนที่ใช้อยู่จริงๆ ภาพนี้จะออกหม่นๆ กว่านะคะ แต่สีที่เราใช้จะเป็นสีออกทองกว่านี้ค่ะ รู้สึกจะเป็น BR-1 (ขอโทษด้วย ไม่ได้ถ่ายรูปไว้และตลับไม่ได้อยู่กับตัว)
สีจะออกโทนเดียวกัน และเราลงสีตามหมายเลขที่กำกับไว้ค่ะ
Eyeliner & Mascara
eyeliner และ มาสคาร่าใช้ jetset ของ cutepress แต่ตอนปัดมาสคาร่า ใช้ fasio ปัดบางๆ ก่อน 1 รอบ เพราะ jetset จะไม่ติดทนทั้งวัน แต่ปัดแล้วขนตายาวสวยกว่า fasio ค่ะ (ตามประสบการณ์นะคะ)
แก้ม
ใช้สี Missha Blusher สี Cooper Bronze
ปาก
1. รูปซ้ายใช้ hazelnut sauce ของ เมเบลีน ผสมกับ carnation ของ BB
รูปที่ 2 ใช้ carnation ของ BB
รูปที่ 3 ใช้ Burnt Red
เสร็จเรียบร้อยกันแล้ว กับการสอนสอนแต่งหน้ารับปริญญาแบบง่ายๆ ดูไว้เป็นไอเดีย ขอให้สาวๆสวยในวันงานกันทุกคน และแสดงความยินดีกับบัณฑิตใหม่ทุกคนเลยจ้า ^^
วิธีการเขียนขอบตาบน ล่าง ด้วยอายไลน์เนอร์ สไตล์เกาหลี แบบ YuBin (ยูบิน) Wonder Girls
เห็นแล้วง่ายนิ๊ดดดเดียว >.< สาวๆ ลองเขียนขอบตาแบบนี้กันดูนะจ๊ะ สวย ใส กันยังไงอย่างลืมบอกต่อๆกันล่ะ ^^
ดูแลรักษาขนตาให้สวย ถนอมไว้ยาวนานกับการแต่งหน้าใส
ประเภทรองพื้นที่เหมาะกับผิวหน้าคุณ ^_~
รองพื้นโดยทั่วไป มีทั้งหมด 8 ประเภทดังนี้
1. รองพื้นแบบแท่ง (Stick Foundation): ผลิตภัณฑ์รองพื้นนี้ เป็นรองพื้นและconcealerรวมกันเป็นหนึ่งแท่ง ในการแต่งหน้ารองพื้นแบบแท่งสามารถช่วยปกปิดผิวที่มีปัญหาเช่น ริ้วรอย แผลเป็น สีไม่เท่ากันของผิว ได้มากขึ้นกว่ารองพื้นชนิดอื่นๆ เหมาะสำหรับผิวแห้ง ไม่เหมาะสำหรับผิวมัน ข้อดี คือ ใช้ได้ง่ายและปกปิดได้อย่างรวดเร็ว
4. รองพื้นแบบมูส (Mousse Foundation): รองพื้นแบบมูสคือรองพื้นเนื้อครีมธรรมดา ที่ทำในรูปแบบฟองครีม เป็นรองพื้นปกปิดบางเบาแลดูเป็นธรรมชาติ รองพื้นแบบมูสจะไม่เกาะตามรอยร่องที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ของผิวหน้า จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้มีริ้วรอย หรือ ผู้มีอายุ
5. รองพื้นแบบทิ้นส์ (Tinted Moisturizer): ในที่นี้ คือ มอยเจอร์ไรเซอร์ ครีมบำรุงผิวที่เติมสีลงไปเล็กน้อย ทำให้หลังใช้จะดูผิวเรียนเนียนขึ้น แต่ไม่ช่วยปกปิดมากนัก เหมาะกับสภาพผิวที่ดีอยู่แล้ว และต้องโดนใจสำหรับสาวๆที่ชอบแต่งหน้าใสๆ ~^^~ เลยละซิ
6. รองพื้นแบบเปลี่ยนสถานะ (Cream to Powder): รองพื้นชนิดนี้เหมาะกับผิวมัน เพราะหลังจากทารองพื้นไปบนผิวหน้า ครีมรองพื้นชนิดนี้จะเปลี่ยนเป็นแป้งโดยเร็ว เนื่องจากแป้งมีตัวช่วยซับน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้าเอาไว้
7. รองพื้นแบบแป้ง (Powder Foundation): รองพื้นแบบแป้ง จะเหมากับสาวๆ ที่เพิ่งหัดแต่งหน้า เพราะใช้ง่าย แม้สาวคนไหนไม่เคยใช้มาก่อนก่อตาม ปกปิดได้ปานกลาง นอกจากนี้ยังเหมาะกับช่วงหน้าร้อน เพราะไม่ทำให้ผิวเหนอะหนะ
8. รองพื้นแบบสเปรย์ (Spray Foundation): รูปแบบของรองพื้นประเภทนี้ เป็นรองพื้นที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ ใช้ง่าย ที่ให้ความรู้สึกบางเบาสบายผิว สามารถฉีดเสปรย์ไปบนผิวหน้าได้โดยตรง หรือ ใช้ฟองน้ำก็ได้
10 พื้นฐานการแต่งหน้าสวย เนียน!!
1. สาวๆ ต้องทำความสะอาดผิว ด้วยการล้างหน้าให้สะอาดก่อนแต่งหน้าทุกครั้ง จำไว้เลยนะจ๊ะว่าทุกครั้ง หมั่นขัดผิวหน้าด้วยสครับเพื่อเป็นการช่วยให้ผิวหน้าผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ผิวหน้าจะได้ใสปราศจากเซลล์ผิวเก่า หรือเรียกอีกอย่าวว่าขี้ไคล ก็ได้
2. ทาครีมบำรุงผิวที่มีมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เป็นส่วนประกอบ เพื่อเป็นการบำรุงผิว ถนอมสภาพผิวให้มีอายุยืนยาวตามที่ควรจะเป็น สำหรับสาวๆคนไหนต้องทำงานกลางแดดก็ควรทาครีมกันแดดด้วยนะจ๊ะ ป้องกันการเกิดฝ้า กระ ที่ผิวหน้าได้ เพราะแสงแดดบ้านเรามันแรงขึ้นทุกวัน = = ' ป้องกันไว้ก่อนเลย
3. ลงคอนซีลเลอร์ เพื่อให้หน้าดูสว่างขึ้น เริ่มด้วยการใช้ปลายนิ้วไร้ไปตามใต้ดวงตา ค่อย ๆ เกลี่ยให้ชิดขนตาด้านล่างตลอดจากหัวตาไปจนถึงหางตา สำหรับสาวผิวขาว ให้ใช้คอนซีลเลอร์ที่ออกโทรเหลือง และถ้าสาวผิวคล้ำ ให้เลือกใช้คอนซีลเลอร์ที่ออกโทนชมพูจ้า
4. การรองพื้น รองพื้นมีให้เลือกทั้งแบบน้ำ ครีม เจล น้ำมัน และแบบแท่ง ควรเลือกใช้ตามสภาพผิว *ผิวมันควรเลือกใช้แบบบางเบาประเภทที่เป็นเจล หรือน้ำเพื่อไม่ใช้หน้ามันเย้อ *คนผิวแห้งมาก ต้องเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า ควรเลือกประเภทที่มีส่วนผสมของน้ำมัน ถ้าหากเป็นสิวก็ให้เลือกชนิดปราศจากน้ำมัน (Oil Free) เมื่อเลือกรองพื้นที่เหมาะกับสภาพผิวแล้วขั้นต่อไปก็ไม่ใชเรื่องยากกันแล้วจ้า !!อย่าลืมนะจ๊ะ ว่าต้องเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวและสีผิวด้วย!! การลงรองพื้นถ้าสาวๆ เกลียไม่ดีหน้าอาจจะด่าง หรือหากลงรองพื้นมากเกินไปหน้าก็จะหนา จะเกิดรอยแตก เป็นเส้นๆ เวลาสาวๆแสดงอาการต่างๆบนใบหน้า แลดูไม่สวย ดังนั้นแนะนำว่าให้ลงแต่น้อย ค่อย ๆ เกลียให้เสมอกัน
5. การทาแป้ง แป้งมีหลายชนิดให้เลือกได้ตามใจชอบ ทั้งแป้งฝุ่นซึ่งเป็นแป้งที่มีเนื้อบางเบาสำหรับคนที่ชอบแต่งหน้าใส ๆ แบบเผยผิวจริง แป้งพัฟฟ์สะดวกในการพกพา และช่วยเสริมให้หน้าดูเนียนเรียบ สุดท้ายแป้งรองพื้นสะดวกใช้แต่อาจจะดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่เพราะมีเนื้อที่ค่อนข้างหนา ให้สาวๆ เลือกตามความเหมาะสมของสภาพผิว ความชอบ และสถานะการณ์ก็แล้วกันจ้า
6. การแต่งคิ้ว ถ้าคุณเป็นสาวที่มีคิ้วที่รกทึบ ขอแนะนำว่าให้จัดแต่คิ้วให้ได้รูปด้วยมีดโกน หรือจะถอนด้วยแหนบก็ได้ก่อนการเขียนคิ้ว เพราะคิ้วที่รกจะทำให้การแต่งหน้าไม่เกิดประโยชน์เลย หลังจากคิ้วได้รูปสวยไม่เล็กไป ไม่ใหญ่ไป ก็ให้เขียนคิ้วให้เป็นรูป โดยเลือกใช้สีที่อ่อนกว่าสีผมนะจ๊ะ เพราะจะทำให้หน้าสว่าง แล้วก็ดูอ่อนโยน หลังจากเขียนคิ้วได้รูปตามต้องการใช้แปรงปัดขนคิ้วให้เรียงตัวเป็นระเบียบ
7. อายแชโดว์สำหรับกลางวัน วันธรรมดา แค่ปัดเปลือกตาด้วยสีอ่อน ๆ ก็เพียงพอแล้ว แต่หากต้องการเพิ่มมิติให้กับเปลือกตา ควรเลือกทาอายแชโดว์ 3 สี ที่อยู่ในโทนเดียวกัน ที่มักจะถูกเซตอยู่ในตลับเดียวกันอยู่แล้ว โดยการไล่จากสีอ่อนสุดให้ทั่วเปลือกตา จากนั้นใช้สีที่เข้มปานกลาง ทาที่เปลือกตาช่วงรอยพับ (เวลาเราหลับตาจะมีส่วนที่นูนออกมา) ทาให้ทั่วจนถึงขอบขนตา แล้วใช้สีที่เข้มกว่าเขียนเป็นเส้นทีให้ชิดขอบขนตาจ้า
8. อายไลเนอร์เพื่อไม่ไห้ตกเทรนเกาหลีตากลม โต ละก็ ต้องไม่ลืมการลากอายไลเนอร์เบา ๆ ให้ชิดขอบขนตาบน มีให้เลือกใช้ทั้งชนิดน้ำปลายภู่กัน ติดทนนานเส้นสวยแต่อาจจะเล่อง่ายสำหรับมือใหม่ หรือจะเลือกใช้ชนิดดินสอเขียนง่ายไม่เล่อเทอ ก็เลือกได้ตามความถนัดของแต่ละคน
9. บลัชออนชนิดของบลัชออนก็คล้ายกับอายแชโดว์ คือมีทั้งชนิด ฝุ่น ครีม และชนิดน้ำ การทาบลัชออนให้สวยคือเวลาทาให้ยิ้มเพื่อหาตำแหน่งของแก้มที่เหมาะสมจะทาให้ทางที่พวกแก้มที่เปล่งที่สุด แล้วไล้เฉียงสูงขึ้นไปเล็กน้อย ควรใช้แปรงปัดแก้มที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่จะปัดได้สวยกว่า อย่าปัดให้เข้มจนเกินไปนักเพราะอาจจะทำให้คิดว่าเป็นก้นลิงไม่ใช่แก้ม >.< ระวังกันหน่อยนะจ๊ะสาวๆ
10. ลิปสติก ก่อนการทาลิปสติก ให้เขียนขอบปากด้วยดินสอเขียนขอบปากโดยให้เลือกสีที่ใกล้เคียงกับสีลิปสติกให้มากที่สุด ถ้าไม่ชอบเขียนหรือเป็นวันสบาย ๆ ก็อาจไม่ต้องเขียนขอบปากก็ได้ ส่วนการทางลิปสติกควรใช้ภูกัน เพราะจะทำให้สีกลมกลืนเข้ากับริมฝีปาก และเก็บรายละเอียดของรูปปากได้มากขึ้น คุณอาจเพิ่มความันวาวด้วยลิปกลอสเพื่อให้ปากดูชุ่มฉ่ำ ข้อควรระวังจ้า!!ไม่ควรทาลิปกลอสให้หนักมือเกินไป เพราะอาจจะดูคล้ายคนที่เพิ่งทานปาท้องโก๋เสร็จใหม่ ๆ
เห็นไหมจ๊ะสาวๆ ไม่ยากเลย มือใหม่ทั้งหลายหาซื้อเครื่องสำอางที่กล่าวมาทั้งหมดได้เลยนะจ๊ะ หรือว่าถ้ายังไม่พร้อม ทริปหน้ารอดูชนิดของรองพื้นต่อได้เลยจ้า จะได้เลือกแบบฉบับที่เหมาะกับตัวเอง^^ ที่สำคัญอย่าลืมรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวสาวๆด้วยนะจ๊ะ เพื่อความสวยที่ยั่งยืน ~^^~